วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552

บทที่1 SH:ZS

ห่างจากโบสถ์ไปประมาณสามกิโลเมตร ได้มีรถตู้คันหนึ่งได้จอดพลิกตะแคงข้างอยู่ที่ชายป่าหลังเมือง "ตุ้บ ตุ้บ กร่อบ กร้อบ เพล้ง!!!" เสียงกระจกรถแตก "แกร่ก..แกร่กๆ..." ได้มีมือคู่หนึ่งและเท้าหนึ่งข้างกำลังงัดและดันแผ่นกระจกที่เหลืออยู่ที่ยังติดอยู่กับตัวรถให้หลุดออกมา มีชายคนหนึ่งได้ปีนออกมาจากรถด้วยความทุลักทุเล ที่หัวด้านซ้ายของเขาแตกเลือดที่เคยไหลออกมาจับตัวแข็งแล้ว ที่เหลือก็มีแค่รอยฟกช้ำตามแขน-ขาเล็กน้อยเท่านั้น "โอย... กว่าจะออกมาได้" ชายปริศนาพูดพลางลุกขึ้นยืนบนซากรถพร้อมมองไปรอบๆ "ถึงแล้วเหรอเนี่ย" เขาพูดเสียงเอื่อยๆพร้อมกับบิดขี้เกียจไปหาวไป แล้วเขาก็กระโดดลงจากรถ ตุ้บ "อื้มมม อากาศยามเช้านี่มันดีจริงๆน่ะแหละ" พูดแล้วก็พลางสูดหายใจเข้าไปเต็มปอด "อุ้บบ!!!" เขาเริ่มสำลักเหมือนกับมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในคอ

"หื้มม~~~~~ ......นี่มันขี้เถ้านี่หว่า" เขาร้องพลางล้วงหาผ้าเช็ดหน้าในกางเกงเพื่อจะมาปิดปาก "..!?.." เขาล้วงเจอกระเป๋าสตางค์แล้วจัดการเปิดมันดู "นายอัศดา ประกาวิล.....หืม?นี่รูปเราเรอะ...แหม่หล่อใช้ได้" เขาพูดด้วยความภาคภูมิใจ "อืม....แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น...แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้ไงหว่า??" แล้วเขาก็มองไปรอบๆอีกครั้ง เขาได้สังเกตเห็นป้ายอะไรสักอย่างตั้งอยู่ไม่ไกลจากรถนัก เขาจึงเดินเข้าไปดู "เอ๊ะ นั่นมันป้ายอะไร" เขาคิดพลางอ่านไปที่ป้าย "ระวัง! เขตไฟฟ้าแรงสูง" เขาอ่านเสร็จก็เหลือบไปมองด้านหลังของป้าย เขาเห็นรั้วสูงประมาณ 2ม.ครึ่ง ตั้งตระหง่านอยู่ ภายในนั้นก็มีเสาไฟฟ้าหลายต้นและหม้อแปลงขนาดใหญ่หลายตัว มันคือโรงปั่นไฟนั่นเอง เขาเห็นเด็กชายคนหนึ่งเด็กคนนั้นใส่เสื้อกล้ามขาดๆนั่งอยู่ในรั้วข้างๆหม้อแปลงตัวหนึ่งที่ไกล้กับรั้วที่ๆเขายืนอยู่ เขาเรียกทักเด็กคนนั้น ไอ้หนู หนูเป็นคนแถวนี้รึเปล่าคับ เด็กคนนั้นไม่ตอบอะไร เอ่อ...คือ..ถ้าหนูเป็นคนแถวนี้น้าขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย คือพอดีน้าจะไปสถานีตำรวจน่ะ อัศดาพูดไม่ทันเสร็จ เด็กคนนั้นก็ลุกขึ้นมาแล้วชี้นิ้วมาที่คอของเค้า หือ นี่อ่ะเหรอ เขาเอามือดึงสร้อยที่คอออกมาดู มันเป็นสร้อยคอรูปประแจไขว้ด้ามนึงสีเงินและด้ามนึงสีทอง เขาก้มหน้าถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วก็ตอบไปทั้งๆที่ยังก้มหน้ามองสร้อยอยู่ ถ้าอยากได้ล่ะก็ตอบน้ามาก่อนสิ เดี๋ยวน้าให้พอพูดเสร็จเขาก็เงยหน้าไปมองเด็กคนนั้น เด็กคนนั้นหายไป ทันใดนั้นบรรยากาศรอบๆตัวเขาเริ่มมืดลงทีละนิด ตะแกรงเหล็กเบื้องหน้าเริ่มมีคราบเลือดเกาะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หม้อแปลงได้หายไป จากที่มันเคยอยู่ตรงหน้ากลับกลายเป็นท่อขนาดใหญ่แซมด้วยท่อขนาดพอดีมือทอดยาวขึ้นไปเบื้องบนอันมืดมิด

พื้นที่เคยเป็นหญ้าก็กลายเป็นตะแกรงเหล็กที่มองไม่เห็นปลายทางเช่นกัน อะไรอีกเนี่ย เขาบ่นอย่างหัวเสีย แต่ถึงจะบ่นอย่างไรก็ไม่ทำให้มันสว่างขึ้น ตอนนี้มันมืดเสียจนมองอะไรไม่เห็นแล้ว เขาจึงล้วงหยิบไฟแช๊กมาจุดไฟเพื่อส่องทาง ไหน ไหน อ้าว?ไอ้หนูเอ็งวิ่งไปไหนแล้วอ่า.......เอ๊ะ! เรามีไฟแช๊กได้ไงหว่าเขาเริ่มงงกับตัวเองแล้วว่าเขามีไฟแช๊กได้อย่างไร เขาเริ่มเดินออกจากบริเวณที่เคยเป็นโรงปั่นไฟไปทางเหนือ ไม่นานเขาก็พบกับจุดสิ้นสุดของตะแกรงเหล็กที่พื้น มันว่างเปล่า ทั้งไกลจนมองหาอีกฝั่งไม่เจอและยังลึกจนมองไม่เห็นก้น สองสิ่งนี้ทำให้อัศดาถึงกับเสียวสันหลังและโดดเดี่ยวสุดใจ เขายืนนิ่งอยู่ซักพักก็มีเสียงอะไรบางอย่างเดินบนตะแกรงใกล้ๆกับที่ๆเขายืนอยู่ ครืด~~~~~ครืด~~~~~ครืด~~~~~” เขาเริ่มส่องไฟหาต้นเสียงไปมาและค่อยๆย่องไปตามเสียงปริศนาที่ได้ยิน ไฟเพียงสลัวๆทำให้เขาเห็นเงาที่ตะคุ่มๆของอะไรบางที่ปลายทาง แทบไม่เชื่อสายตาว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นมันเป็นคนแก่คนหนึ่งในสภาพตัวขาดครึ่งเลือดนองไปทั่วบริเวณกลับมีแขนสองคู่ คู่หนึ่งยังอยู่ตำแหน่งปกติแต่อีกคู่นั้นมันงอกออกมาจากช่วงปลายของเอว มันกำลังแทะก้อนเนื้อแปลกๆก้อนนึงอยู่ เขาเริ่มมองไปยังสิ่งที่มันกำลังแทะเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองอีกครั้ง มันเป็นท่อนล่างของปิศาจตนนั้นแถมไส้ยังไม่ขาดจากกันดีแต่ขาข้างหนึ่งถูกแทะจนเกือบเกลี้ยง เขาคิดในใจว่าเขามองมันนานไปรึเปล่าและกำลังจะย่องจากไป จู่ๆไฟแช๊กก็ได้ดับลง โว้ย….มาดับอะไรเอาตอนนี้วะเขาพึมพำอย่างหัวเสีย เสียงแทะเบาที่เคยได้ยินหายไปจากหูแล้วแต่มีเสียงอื่นเข้ามาแทนที่ ครืด~~~~~ครืด~~~~~ครืด~~~~~” เสียงนั้นเริ่มดังเข้ามาเรื่อยๆและยิ่งกว่านั้นเหมือนว่าเสียงมันจะไม่ได้มาทางเดียวเสียแล้ว เวรแล้วไงเขาพูดออกมาเบาๆ ก๊าซซซ.......ก๊าซซซ..........แซ่กกก....ครืด.....เสียงนั้นเริ่มเข้ามาใกล้อัศดาขึ้นเรื่อยๆ อัศดาเริ่มค้นหาของในตัวว่ามีอะไรที่พอจะช่วยเขาได้บ้างในตอนนี้ ท่ามกลางความมืดมิดความสิ้นหวังได้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ไม่มี ไม่มี ตรงนี้ก็ไม่มี โอ้ยยยยย กุเอาประแจไว้ไหนว้า~~~” เขาหาประแจของเขาไม่พบแต่นึกขึ้นได้ว่า ที่รถ!” พอตั้งสติได้เขาก็เตรียมออกชาร์จแต่เขาก็ถูกดึงขาไว้ อัศดาเริ่มสะบัดขาแต่ไม่มีทีท่าว่ามือคู่นั้นจะหลุดออก เขาบรรจงถีบสิ่งที่เกาะขาเขาจนต้องล้มลงเอามือแกะมันออก เขาสัมผัสได้ถึงลิ้นที่มันแตะมาที่มือ กลิ่นคาวเลือดเริ่มแรงขึ้น ทันใดนั้นเขาก็ถูกมันอีกตัวล็อคแขนเอาไว้ ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก มันพวกนั้นเริ่มมาล็อคตัวของอัศดามากขึ้นเรื่อยๆ จนเขาหมดแรงขัดขืน มีพวกมันตัวหนึ่งได้ขึ้นคร่อมเขา ซากท่อนล่างของมันได้วางพาดที่น่องของเขาแล้วมันก็กัดลงมาที่คอของเขา อ๊ากกกกกกกกกกกก จากนั้นพวกมันก็รุมกันกัดอัศดา ซวบบบ แคว่กกกก กร้วบๆๆๆ พวกมันรุมกันแทะจนเขา.................

จบ บทที่ 1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น