วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 2

“พี่ อัศ พี่อัศ” เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นมาในหัวของอัศดา “พี่คับ พี่....” เสียงนั้นได้เงียบไป จู่ๆก็มีอะไรบางอย่างเหนียวๆมาสัมผัสที่ต้นคอของเขา เขาร้องขึ้นด้วย

ความตกใจว่า”อ๊ายยยยย อย่านะ อย่าทำอะไรเค้านะ เค้าเป็นคนมีพ่อมีแม่นะ อย่า! ม่ายยย” แล้วเขาก็ดีดตัวขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว “แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก เฮ้อ~~~



โอย~~~ โชคดีที่เป็นฝัน” แล้วเขาก็มองไปที่เป้าที่เปียกแฉะของตัวเอง “โอ้....ฝันซะ........เยื้อมเชียะ” เขาพูดกะตัวเองเบาๆ “นี่พี่ โตจนหมาเลีย ด-กไม่ถึงแล้วยัง



เยี่ยวรดกางเกง....พี่ทำ ได้ไงอ่ะ” อัศดามองไปทางเสียงดังกล่าวเห็นเด็กชายคนหนึ่งในชุดประหลาดยืนก้มมองมาที่ เป้าของเขาและเหมือนจะด่าต่อ อัศดาเหลือบ

ไปเห็นสิ่งมีชีวิตชนิด หนึ่งนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ที่ปลายเท้าของเขา “เ!้-!!!!!โว้ยย!!!!เ!้-!!!!” เขาร้องตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกับวิ่งไปวิ่งมาแถวๆนั้น

“นี่พี่ ถามหน่อย ที่นี่มันที่ไหนกันเหรอ” เด็กหนุ่มพูดทักเผื่อว่าอัศดาจะหยุดวิ่งแล้วมาคุยด้วย อัศดาเริ่มตั้งสติและพยายามอยู่ห่างๆจากเตี้ยฮัว เขานั่งพักแล้วตอบกลับ

“ไม่ รู้สิ ผมรู้อีกทีก็อยู่ที่นี่แล้วนิ” เด็กหนุ่มทำหน้างงๆแล้วก็อุ้มเตี้ยฮัวมาอุ้มและพูดต่อ “อะไรอ่ะพี่ ก็เรามาด้วยกันมะใช่เรอะ แล้วจะไม่รู้ได้ไง ก็พี่เป็นคนขับมาอ่ะ”

พูด เสร็จก็ชี้ไปที่รถที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้ รถคันนั้ต่างจากในฝันของอัศดา ในความฝันนั้นมันตะแคงข้างและเต็มไปด้วยรอยเลือดทั่วตัวรภ แต่ตอนนี้มันยังจอดนิ่งๆ

ในสภาพที่รถทั่วไปควรจะจอดและปราศจากรอย เลือดมีแต่รอยบุบหลายแห่ง พร้อมกับเศษดินหญ้าที่ติดตามรถ “เฮ้ย ไหงมันเป็นงั้นอ่ะ” อัศดาพูดด้วยความ

ประหลาดใจพลางชี้ไปที่รถ “มันก็เป็นรถอ่ะดิพี่ โห สมองพี่นี่ทำด้วยไรเนี่ย” เด็กคนนั้นก็ตอบแบบกวนๆกลับมา “เอ่อ แล้วคุณน้องเป็นใครล่ะครับ ด่าผม ปาวๆ เชียะ”

อัศดาตอบกลับพร้อมหันไปมองหน้าเด็กหนุ่ม “ผม?” พูดพลางชี้ไปที่หน้าตัวเอง “ก็ลู รุ่นน้องของพี่ในที่บริษัท♦♠♣♥ไง จำมะได้เหรอ” ลูพูดตอบ อัศดา

ทำหน้างงเล็กน้อย..... “อ๋อ ลู จำได้ละ นายที่นั่งรถมาด้วยกันใช่ป้ะ” อัศดาตอบไปมั่วๆแต่ก็ถูกประเด็น “เออ นึกว่าความจำเสื่อมซะละ” ลูตอบพร้อมกับหันมองไปรอบๆ

“พี่ว่าที่นี่น่าจะเป็นเมืองที่เราจะมาทำงานกันนะ” อัศดาพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ “เอ่อ แล้วจะไปไหนต่อดีอ่ะพี่” ลูพูดถาม “น่าจะไปทางนี้ก่อนนะ”อัศดานึกถึง

ทางที่เขาเห็นในฝัน มันคือโรงปั่นไฟ แล้วเขาก็เดินไปตามทางที่จำได้ เขาเจอป้ายเตือนเหมือนกับที่เจอในฝันเด๊ะ แต่ในโรงปั่นไฟ ไม่มีเด็กคนนั้น “ฮ้า เจอละเดี๋ยว

พี่ขอเข้าไปดูก่อนนะ” อัศดาสังเกตว่ามีลูกกรงเปิดอยู่จึงคิดที่จะเดินเข้าไป “พี่ ผมไปด้วยดิอยู่ ผมไม่อยากอยู่กับไมเคิ่ลแค่สอง......คน เนอะไมเคิ่ล” พูดเสร็จลูก็วิ่ง

ตาม อัศดาเข้าไปในโรงปั่นไฟ อัศดาเจอกองเลือดกองหนึ่งซึ่งเขาจำได้ว่า ในฝันเขาโดนพวกมันแทะเล่นตรงนี้ เขามองไปเห็นสร้อยเส้นนึงซึ่งตกอยู่ไม่ห่างจากกองเลือดนัก

มันเป็นสร้อยคอของเขาเองซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันมาอยู่ตรงนี้ได้ แต่เขก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เขาจึงหยิบมันขึ้นมาและใส่ที่คอเหมือนเดิม ไม่ไกลจากจุดที่มี

รอยเลือดมีรอยเลือดรูปฝ่าเท้าเล็กๆเดินไปทาง หลังโรงปั่นไฟ ทั้งคู่เดินตามรอยเท้านั้นไป สุดรอยเท้านั้นพบห้องควบคุมของที่นี่ซึ่งประตูก็เปิดแง้มเล็กน้อย

เหมือน จะเชิญทั้งคู่ให้เข้าไปดูข้างใน “เอาไงดีอ่ะพี่ จะบวกไม่บวก” ลูถามกวนๆ อัศดาหันมองหน้าลูและพลันนึกถึงเรื่องในฝันว่าถ้าหากเปิดไปเจอนายแบบนั้น นี่...

ซิปหายแน่ เขาจึงเอ่ยชวนลู “ลู เข้าไปด้วยกันนี่แหละ...มันจะมีอะไรในนั้นนักหนาวะ” พูดเสร็จก็ไปเกาะแขนลูแน่นปานปลิง ลูมองหน้าอัศดาด้วยความ

ขยะ แขยงและเดินเข้าไปดูด้วยกันด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยพอใจนัก สิ่งแรกที่พบคือ รอยเลือดที่เปื้อนไปทั่วห้อง สภาพภายในห้องกระจัดกระจาย โต๊ะ-เก้าอี้ล้ม

เละเทะ ,แผงควบคุมก็มีเลือดฉาบอยู่บาน กลิ่นเหม็นเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ทั้งสองเดินสำรวจรอบๆห้องเผื่อว่าจะมีอะไรนอกจากรอยเลือดนี่บ้าง

“นี่ พี่ ในนี้มันต้องมีตัวอะไรซักตัวมาละเลงเลือดนี่เล่นแน่เลยพี่” ลูชวนคุยและเขาก็พบอะไรบางอย่างที่มุมห้อง “นี่ลู พี่เจอนี่ด้วยแหละน่าเล่นมะ” อัศดาหยิบ “วอล์คกี้ทอล์กกี้” ขึ้นมาชูพร้อมโพสท่าขอโออิชิสี่กล่อง(มีสองมือก็ต้องสี่กล่องชิมิ)ให้ลูดู “....=__=.... เอ่อ...

ดูนี่ก่อนดีกว่าพี่” ลูหยิบกระเป๋าเอกสารขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น